ROIVANE | ร้อยเวร
สวัสดีร้อยเวร | วันอาทิตย์ ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ข่าวสาร & บทความ | ROIVANE
📰 ข่าวสาร & บทความ
ติดตามข่าวสารและบทความล่าสุดจาก ROIVANE ได้ที่นี่
กฎกระทรวง การแจ้งข้อหา สนับสนุน ช่วยเหลือ สมคบฯ

กฎกระทรวง การแจ้งข้อหา สนับสนุน ช่วยเหลือ สมคบฯ

กฎกระทรวงนี้ออกตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขออนุมัติ แจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา 125 หรือ 127 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ขั้นตอนครอบคลุมการจัดทำคำขอพร้อมเอกสารหลักฐาน การเสนอหัวหน้าพนักงานสอบสวนและเลขาธิการ ป.ป.ส. พิจารณาภายในระยะเวลาที่กำหนด การแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเมื่อพบพฤติการณ์เข้าข่ายความผิด รวมถึงอำนาจของพนักงานอัยการในการสั่งแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ทั้งนี้ยังสามารถดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ การปฏิบัติภายใต้กฎกระทรวงนี้เน้นความรวดเร็วและครบถ้วนของข้อมูล โดยกำหนดให้รายงานผลการแจ้งข้อหาและข้อมูลทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อ ป.ป.ส. อย่างต่อเนื่อง พร้อมแบบฟอร์มตามที่สำนักงาน ป.ป.ส. กำหนด เพื่อให้กระบวนการสอบสวนและดำเนินคดีในความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน 

กฎกระทรวง การดำเนินการเพื่อบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2565

กฎกระทรวง การดำเนินการเพื่อบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2565

กฎกระทรวงนี้กำหนดขั้นตอนและวิธีการดำเนินงานเพื่อบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โดยเริ่มตั้งแต่การคัดกรอง วินิจฉัย และประเมินระดับความรุนแรงของการติดยาเสพติด การจัดทำแผนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ ตลอดจนการติดตามผลหลังการบำบัด เพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติและลดโอกาสการกลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด มีการบันทึกและรายงานข้อมูลผู้เข้ารับการบำบัดต่อหน่วยงานกำกับดูแล และประสานงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข สังคม และความมั่นคง เพื่อให้การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั้งมิติทางการแพทย์ จิตใจ และสังคม

กฎกระทรวง การแจ้งข้อหา สนับสนุน ช่วยเหลือ สมคบฯ ฉบับที่ 2

กฎกระทรวง การแจ้งข้อหา สนับสนุน ช่วยเหลือ สมคบฯ ฉบับที่ 2

กฎกระทรวงฉบับนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 เกี่ยวกับการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเพิ่มบทบัญญัติให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. สามารถขออนุมัติแจ้งข้อหาในกรณีที่ผู้ต้องหาถูกจับกุม สืบสวนสอบสวน หรือถูกควบคุมตัวอยู่ และมีหลักฐานชัดเจน ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปดำเนินคดี เหตุผลของการแก้ไข คือ เพื่อให้การดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีประสิทธิภาพ สามารถแจ้งข้อหาและดำเนินการตามกฎหมายได้ทันท่วงที ป้องกันความล่าช้า และทำให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดมีความต่อเนื่องและครอบคลุมมากขึ้น ตามอำนาจที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

หนังสือ กม.การหักเงินค่าปรับที่ได้รับจากการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ฯ

หนังสือ กม.การหักเงินค่าปรับที่ได้รับจากการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ฯ

เอกสารนี้กล่าวถึงหลักเกณฑ์และวิธีการหักเงินค่าปรับที่ได้รับจากการกระทำผิด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลอดแบบตรง พ.ศ.2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อส่งให้หน่วยงานหรือกองทุนที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด โดยระบุขั้นตอนการหักและการนำส่งเงินอย่างชัดเจน รวมถึงการกำหนดสัดส่วนหรือเปอร์เซ็นต์ที่ต้องหัก เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใสตามระเบียบราชการ นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงถึงกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งกำหนดความรับผิดชอบของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการหักเงินและส่งมอบเงินค่าปรับ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดและรักษามาตรฐานการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมาย

NEW สาระน่ารู้ : ไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอ (mtDNA) ในมิติของการพิสูจน์บุคคลในคดีอาญา

สาระน่ารู้ : ไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอ (mtDNA) ในมิติของการพิสูจน์บุคคลในคดีอาญา

ไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอ (Mitochondrial DNA หรือ mtDNA) คือสารพันธุกรรมที่อยู่ภายในไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นออร์แกเนลล์ในเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างพลังงานให้ร่างกาย มีลักษณะเป็นวงกลมขนาดเล็กและมีจำนวนสำเนามากกว่าดีเอ็นเอในนิวเคลียสหลายร้อยถึงหลายพันชุดในแต่ละเซลล์ จุดเด่นสำคัญคือถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกทุกคนทั้งชายและหญิงโดยไม่ผ่านทางพ่อ ทำให้ mtDNA ของบุคคลในสายมารดาเดียวกันมีลำดับเหมือนกันเกือบทั้งหมด คุณสมบัตินี้ทำให้ mtDNA มีความสำคัญในงานนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในกรณีที่ตัวอย่างมีการเสื่อมสลายอย่างรุนแรงหรือมีปริมาณน้อยจนไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอในนิวเคลียสได้ เช่น ซากศพที่เน่าเปื่อยหรือไหม้เกรียม เส้นผมที่ไม่มีราก เล็บ กระดูก หรือฟันจากเหตุการณ์ที่ผ่านมานานหลายปี mtDNA ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงและยังคงสามารถตรวจพบได้แม้เวลาผ่านไปนาน การตรวจ mtDNA มักเริ่มจากการสกัดสารพันธุกรรมออกจากตัวอย่างชีวภาพที่เหลืออยู่ จากนั้นใช้เทคนิคการเพิ่มปริมาณ (PCR) บริเวณที่มีความหลากหลายสูง เช่น Hypervariable Regions (HV1 และ HV2) ในส่วน D-loop แล้วทำการอ่านลำดับเบสด้วยวิธี Sanger sequencing หรือเทคโนโลยี Next-Generation Sequencing จากนั้นนำลำดับที่ได้ไปเปรียบเทียบกับบุคคลต้องสงสัยหรือญาติทางสายมารดา การแปลผล mtDNA จำเป็นต้องใช้ฐานข้อมูลประชากรและหลักสถิติเข้ามาช่วย เนื่องจากการที่ลำดับตรงกันไม่ได้หมายความว่ามาจากบุคคลคนเดียว แต่หมายถึงบุคคลนั้นและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสายมารดาเดียวกัน ดังนั้น นักนิติวิทยาศาสตร์จะรายงานในลักษณะว่าไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องสงสัยเป็นแหล่งที่มาของหลักฐาน และอาจระบุความถี่ของ haplotype นั้นในประชากร เช่น อ้างอิงฐานข้อมูลสากลอย่าง EMPOP หาก haplotype พบได้น้อยในประชากรทั่วไป ความเป็นไปได้ที่จะมาจากบุคคลอื่นยิ่งต่ำ แต่หากพบได้บ่อย ค่าน้ำหนักพยานก็จะลดลง อีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงคือภาวะเฮเทอโรพลาสมี (heteroplasmy) ซึ่งคือการที่บุคคลหนึ่งมี mtDNA มากกว่าหนึ่งแบบในร่างกาย เช่น เซลล์บางส่วนมีการกลายพันธุ์เล็กน้อย ในการเปรียบเทียบหากพบความแตกต่างเล็กน้อยในบางตำแหน่งแต่ยังสอดคล้องกับหนึ่งในสองรูปแบบของอีกตัวอย่าง ก็ไม่สามารถตัดสายมารดาเดียวกันออกได้ นักนิติวิทยาศาสตร์จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูงและอ้างอิงมาตรฐานสากล เช่น แนวทางของ International Society for Forensic Genetics เพื่อให้การแปลผลมีความน่าเชื่อถือในชั้นศาล แม้ mtDNA จะไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อย่างเฉพาะเจาะจง แต่ก็เป็นหลักฐานสำคัญในคดีอาญา โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับหลักฐานประเภทอื่นและการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ก็สามารถเพิ่มน้ำหนักทางคดีและช่วยคลี่คลายปัญหาทางนิติวิทยาศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อแนะนำสำในการปฏิบัติ เพื่อให้การเก็บตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับ mtDNA มีประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน ควรปฏิบัติดังนี้ ระบุและบันทึกตำแหน่งตัวอย่างที่พบ mtDNA  เช่น เส้นผมที่ไม่มีราก เล็บ กระดูก หรือฟัน โดยบันทึกภาพถ่ายและรายละเอียดตำแหน่งอย่างชัดเจน ใช้ถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้ง รวมถึงเปลี่ยนถุงมือทุกครั้งเมื่อเก็บตัวอย่างจากตำแหน่งใหม่ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้ามตัวอย่าง เก็บตัวอย่างในภาชนะที่สะอาด ปลอดเชื้อ และระบายอากาศได้ เช่น ซองกระดาษสำหรับเก็บเส้นผม หรือกล่องใส่ฟัน/กระดูก เพื่อป้องกันความชื้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับตัวอย่าง และหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกหรือวัสดุที่เก็บความชื้นเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้ตัวอย่างเสื่อมสภาพ ส่งตัวอย่างไปยังห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์โดยเร็วที่สุด พร้อมแบบฟอร์มรายละเอียดการเก็บ (chain of custody) เพื่อคงความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในชั้นศาล

กฎกระทรวง กำหนดปริมาณยาเสพติดฯ ที่สันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อเสพ

กฎกระทรวง กำหนดปริมาณยาเสพติดฯ ที่สันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อเสพ

กฎกระทรวงฉบับนี้กำหนดปริมาณสูงสุดของยาเสพติดให้โทษแต่ละชนิด ซึ่งหากพบว่าผู้ครอบครองมีเกินปริมาณนี้ จะสันนิษฐานว่า “มีไว้เพื่อเสพ” ตามกฎหมาย ตัวอย่างเช่น เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ไม่เกิน 5 เม็ด เฮโรอีน ไม่เกิน 300 มิลลิกรัม เป็นต้น ทั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงยาเสพติดสังเคราะห์และสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เช่น อัลปราโซแลม คีตามีน  โดยแต่ละชนิดมีปริมาณกำหนดชัดเจนเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา  การกำหนดปริมาณดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นหลักเกณฑ์สันนิษฐานเบื้องต้นว่าผู้ครอบครองมีเจตนาเพื่อเสพ ไม่ใช่เพื่อจำหน่าย ซึ่งช่วยลดปัญหาการตีความที่ไม่ชัดเจนและสร้างมาตรฐานเดียวกันในการบังคับใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตาม การสันนิษฐานนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาสามารถนำพยานหลักฐานมาโต้แย้งในชั้นพิจารณาคดีได้ เพื่อความเป็นธรรมและคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา 

ระเบียบ ปปส.ว่าด้วยการประสานงานในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2566

ระเบียบ ปปส.ว่าด้วยการประสานงานในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2566

ระเบียบนี้กำหนดขั้นตอนและกลไกในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง โดยกำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานหรือผู้ประสานงานในแต่ละระดับ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อรวบรวม ตรวจสอบ และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดี รวมทั้งกำหนดให้มีระบบการสื่อสารและรายงานผลอย่างเป็นทางการ เพื่อให้สามารถติดตามความคืบหน้าและแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา

ระเบียบ ตร.การรับเลขคำแจ้งความ และเลขคดีอาญา พ.ศ.2565

ระเบียบ ตร.การรับเลขคำแจ้งความ และเลขคดีอาญา พ.ศ.2565

ระเบียบ ตร.การรับเลขคำแจ้งความ และเลขคดีอาญา พ.ศ. 2565 กำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการรับเลขคำแจ้งความและเลขคดีอาญาให้มีความเป็นระบบ โปร่งใส และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ โดยมีการกำหนดประเภทของเลข เช่น เลขคำแจ้งความ (เลข ปจว.) เลขคดีอาญา (เลข ค.) และเลขคดีอื่น ๆ พร้อมวิธีการออกเลขตามลำดับ เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนหรือข้ามลำดับ รวมถึงการบันทึกข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์และการเก็บรักษาหลักฐานอย่างเป็นทางการ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบในการลงบันทึกอย่างถูกต้องและทันเวลา เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่องและลดข้อผิดพลาด

ระเบียบ ตร.ว่าด้วยการโอนคดี และการรวมคดี พ.ศ.2565

ระเบียบ ตร.ว่าด้วยการโอนคดี และการรวมคดี พ.ศ.2565

ระเบียบ ตร.ว่าด้วยการโอนคดี และการรวมคดี พ.ศ.2565 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนในการโอนคดีจากพนักงานสอบสวนหนึ่งไปยังอีกพนักงานสอบสวนหนึ่ง รวมถึงกรณีการรวมคดีหลายคดีให้เป็นคดีเดียวกัน เพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการสอบสวน โดยให้การโอนคดีทำได้ในกรณีที่มีเหตุผล เช่น ความสะดวกในการสอบสวน ความเกี่ยวพันของพยานหลักฐาน หรือความจำเป็นทางด้านกฎหมาย การโอนคดีต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้น พร้อมบันทึกเหตุผลไว้เป็นหลักฐาน และต้องแจ้งให้คู่ความในคดีทราบ เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ส่วนการรวมคดี ระเบียบนี้กำหนดให้สามารถรวมคดีได้เมื่อคดีนั้นเกี่ยวเนื่องกันหรือมีผู้ต้องหาเดียวกัน เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนและลดขั้นตอนการดำเนินงาน การรวมคดีต้องมีคำสั่งหรือความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจ และต้องทำบันทึกระบุเหตุผลอย่างชัดเจน รวมถึงต้องแจ้งต่อคู่ความที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติตามระเบียบนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การสอบสวนมีความคล่องตัว ลดความล่าช้า และคงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมและความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม

ระเบียบ ตร.ว่าด้วยรายงานประจำวันอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564

ระเบียบ ตร.ว่าด้วยรายงานประจำวันอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564

ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยรายงานประจำวันอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนในการจัดทำรายงานประจำวันผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้การบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหน้าที่ตำรวจมีมาตรฐานเดียวกัน โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยรายงานประจำวันต้องบันทึกข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ สถานที่ เวลา บุคคลที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินการของเจ้าหน้าที่อย่างครบถ้วน พร้อมจัดเก็บในระบบกลางเพื่อใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงและประกอบการปฏิบัติราชการในอนาคต การจัดทำต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด และใช้ระบบที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น นอกจากนี้ ระเบียบยังระบุถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ผู้บันทึกรายงาน ต้องตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน และลงนามรับรองข้อมูลในระบบภายในเวลาที่กำหนด รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อป้องกันการแก้ไข ลบ หรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ยังมีการกำหนดมาตรการด้านการฝึกอบรม การกำกับดูแล และการประเมินผลการใช้งานระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าการรายงานประจำวันอิเล็กทรอนิกส์สนับสนุนการทำงานของตำรวจอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสอดคล้องกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง