ROIVANE | ร้อยเวร
สวัสดีร้อยเวร | วันอาทิตย์ ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2568
📰 ข่าวสาร & บทความ
ติดตามข่าวสารและบทความล่าสุดจาก ROIVANE ได้ที่นี่

สาระน่ารู้ : ไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอ (mtDNA) ในมิติของการพิสูจน์บุคคลในคดีอาญา

ไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอ (Mitochondrial DNA หรือ mtDNA) คือสารพันธุกรรมที่อยู่ภายในไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นออร์แกเนลล์ในเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างพลังงานให้ร่างกาย มีลักษณะเป็นวงกลมขนาดเล็กและมีจำนวนสำเนามากกว่าดีเอ็นเอในนิวเคลียสหลายร้อยถึงหลายพันชุดในแต่ละเซลล์ จุดเด่นสำคัญคือถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกทุกคนทั้งชายและหญิงโดยไม่ผ่านทางพ่อ ทำให้ mtDNA ของบุคคลในสายมารดาเดียวกันมีลำดับเหมือนกันเกือบทั้งหมด

คุณสมบัตินี้ทำให้ mtDNA มีความสำคัญในงานนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในกรณีที่ตัวอย่างมีการเสื่อมสลายอย่างรุนแรงหรือมีปริมาณน้อยจนไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอในนิวเคลียสได้ เช่น ซากศพที่เน่าเปื่อยหรือไหม้เกรียม เส้นผมที่ไม่มีราก เล็บ กระดูก หรือฟันจากเหตุการณ์ที่ผ่านมานานหลายปี mtDNA ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงและยังคงสามารถตรวจพบได้แม้เวลาผ่านไปนาน

การตรวจ mtDNA มักเริ่มจากการสกัดสารพันธุกรรมออกจากตัวอย่างชีวภาพที่เหลืออยู่ จากนั้นใช้เทคนิคการเพิ่มปริมาณ (PCR) บริเวณที่มีความหลากหลายสูง เช่น Hypervariable Regions (HV1 และ HV2) ในส่วน D-loop แล้วทำการอ่านลำดับเบสด้วยวิธี Sanger sequencing หรือเทคโนโลยี Next-Generation Sequencing จากนั้นนำลำดับที่ได้ไปเปรียบเทียบกับบุคคลต้องสงสัยหรือญาติทางสายมารดา

การแปลผล mtDNA จำเป็นต้องใช้ฐานข้อมูลประชากรและหลักสถิติเข้ามาช่วย เนื่องจากการที่ลำดับตรงกันไม่ได้หมายความว่ามาจากบุคคลคนเดียว แต่หมายถึงบุคคลนั้นและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสายมารดาเดียวกัน ดังนั้น นักนิติวิทยาศาสตร์จะรายงานในลักษณะว่าไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องสงสัยเป็นแหล่งที่มาของหลักฐาน และอาจระบุความถี่ของ haplotype นั้นในประชากร เช่น อ้างอิงฐานข้อมูลสากลอย่าง EMPOP หาก haplotype พบได้น้อยในประชากรทั่วไป ความเป็นไปได้ที่จะมาจากบุคคลอื่นยิ่งต่ำ แต่หากพบได้บ่อย ค่าน้ำหนักพยานก็จะลดลง

อีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงคือภาวะเฮเทอโรพลาสมี (heteroplasmy) ซึ่งคือการที่บุคคลหนึ่งมี mtDNA มากกว่าหนึ่งแบบในร่างกาย เช่น เซลล์บางส่วนมีการกลายพันธุ์เล็กน้อย ในการเปรียบเทียบหากพบความแตกต่างเล็กน้อยในบางตำแหน่งแต่ยังสอดคล้องกับหนึ่งในสองรูปแบบของอีกตัวอย่าง ก็ไม่สามารถตัดสายมารดาเดียวกันออกได้ นักนิติวิทยาศาสตร์จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูงและอ้างอิงมาตรฐานสากล เช่น แนวทางของ International Society for Forensic Genetics เพื่อให้การแปลผลมีความน่าเชื่อถือในชั้นศาล

แม้ mtDNA จะไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อย่างเฉพาะเจาะจง แต่ก็เป็นหลักฐานสำคัญในคดีอาญา โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับหลักฐานประเภทอื่นและการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ ก็สามารถเพิ่มน้ำหนักทางคดีและช่วยคลี่คลายปัญหาทางนิติวิทยาศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ข้อแนะนำสำในการปฏิบัติ เพื่อให้การเก็บตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับ mtDNA มีประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน ควรปฏิบัติดังนี้

  • ระบุและบันทึกตำแหน่งตัวอย่างที่พบ mtDNA  เช่น เส้นผมที่ไม่มีราก เล็บ กระดูก หรือฟัน โดยบันทึกภาพถ่ายและรายละเอียดตำแหน่งอย่างชัดเจน

  • ใช้ถุงมือและอุปกรณ์ป้องกันทุกครั้ง รวมถึงเปลี่ยนถุงมือทุกครั้งเมื่อเก็บตัวอย่างจากตำแหน่งใหม่ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้ามตัวอย่าง

  • เก็บตัวอย่างในภาชนะที่สะอาด ปลอดเชื้อ และระบายอากาศได้ เช่น ซองกระดาษสำหรับเก็บเส้นผม หรือกล่องใส่ฟัน/กระดูก เพื่อป้องกันความชื้น

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับตัวอย่าง และหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกหรือวัสดุที่เก็บความชื้นเป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้ตัวอย่างเสื่อมสภาพ

  • ส่งตัวอย่างไปยังห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์โดยเร็วที่สุด พร้อมแบบฟอร์มรายละเอียดการเก็บ (chain of custody) เพื่อคงความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในชั้นศาล

ไม่มีไฟล์